ว่าด้วยศาสตร์แห่งการ ลาออก จากงาน
เมื่อจุดมุ่งหมายการทำงานไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือมีโอกาสใหม่ๆ ที่ดีกว่า การโบกมือลาจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางของเหล่าพนักงานกินเงินเดือนอย่างเราๆ เลยก็ว่าได้ หลายคนเมื่อพูดถึงการลาออก มักจะนึกถึงภาพชีวิตสุดดราม่า ว่ามันต้องดุเดือดเลือดพล่าน ต้องให้ตายกันไปข้างนึง ไม่มีการรีเทิร์นเผาผี แต่เราขอบอกเลยว่าไม่เสมอไปหรอก แท้จริงการจากกันด้วยดีก็มีอีกมากมาย ซ้ำการจากกันด้วยดีแบบนี้ ยังช่วยสร้างคอนเนกชันดีๆ สร้างโปรไฟล์สวยๆ ให้กับคุณได้ในอนาคตอีกด้วยดังนั้น ถ้าจะให้ดี การลาออกแบบจากกันดีๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าจากกันแบบแตกหัก ทุกวันนี้จึงมีบทความมากมาย รวมถึง How to การลาออกแบบโปรๆ สวยๆ ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจกับที่ทำงานเก่าเต็มไปหมดเราจะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วการลาออกก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ มีแต่มุมมองลบๆ (ถึงเจ้าของบริษัทอาจจะเฟลๆ หน่อย ที่ต้องหาคนใหม่มาแทนที่ก็ตาม) เพราะมันคงจะดีกว่า หากจากกันด้วยดี ไม่ต้องอยู่ฝืนทำงานเห็นหน้ากันและกันนะ!
ทำไมต้องเป็นความลับ เงียบๆ แล้วชอบออกไปทุกราย
เพราะการลาออกนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นจนกว่าจะชัวร์ว่าจะลาออกจริงๆ หลายๆ คนจึงเลือกที่จะเก็บเงียบไว้กับตัวเอง เพราะถ้าหากเกิดปัญหา ยังไม่สามารถลาออกได้ทันที การป่าวประกาศไปก็เหมือนเป็นคำประกาศเก้อๆ สร้างบรรยากาศที่ไม่ดีให้กับที่ทำงาน รวมถึงทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ รู้สึกไม่ดีตามไปด้วยถ้าจะลาออกให้โปร หลายๆ คนจึงเลือกที่จะปิดเป็นความลับจนกว่า HR จะอนุมัติจริงๆ รวมถึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เปลี่ยนใจนั่นเองแล้วทำไมคนที่บ่นตลอด ไม่ออกสักทีนะ
บางครั้งการบ่นว่าอยากจะลาออกนั้น อาจจะเป็นความรู้สึกเพียงชั่วขณะเท่านั้น รวมไปถึงเป็นการแสดงความคิดเห็น การเรียกร้องไปถึงตัวบริษัท หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของการเรียกร้องความสนใจ ถ้าหากเรามองในมุมกลับกัน การที่พนักงานมีฟีดแบ็คพูดถึงเรื่องลาออกมาตรงๆ แบบนี้ มันหมายถึงที่ทำงานเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า? เพราะถ้าหากปล่อยไว้ไอ้คำที่บ่นกันเล่นๆ อาจจะกลายเป็นความจริงจังขึ้นมาสักวันก็ได้!แล้วแบบนี้ เงียบต่อไปดี แล้วลาออกเนียน หรือบอกโลกให้รู้ แล้วลาออกไปเลยดี
เราคงไม่สามารถบอกว่าแบบไหนที่ดีที่สุด แต่ถ้าจะให้จากกันด้วยดีจริงๆ เราขอแนะนำให้เริ่มต้นเงียบๆ ดูลาดเลา ท่าทีไปก่อน ถ้าเกิดเปลี่ยนใจจะได้ไม่ออกตัวเก้อจนเกินไป น่าจะเป็นการกระทำที่ดูแล้วโปรมากกว่าการพยายามบอกว่าตนเองจะลาออกหากอยากให้ฟีดแบ็คกับบริษัท ทางที่ดีควรเสนอทั้งข้อดี ข้อเสียโดยตรงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ดีกว่าการมานั่งบ่นออก ไม่ออก เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว ยังพาลทำให้บรรยากาศทำงานรอบข้างไม่น่าทำงานอีกด้วยเนี่ยสิแต่สำหรับใครที่คนเขาอยากให้ออก แต่ยังอยากจะพิสูจน์ตัวเองอยู่ต่อ ไม่ยอมลาออก อันนี้ก็ควรจะใช้การพิจารณาส่วนตัวให้มากแล้วล่ะ ว่าจะทำงานพิสูจน์ตัวเองได้จริงๆ หรือแค่ยังไม่อยากจะลาออกเท่านั้น
ส่วนใครที่คิดจะลาออก ยังไงก็อยากลืมมองลู่ทางกันไว้ให้ดี เพราะยังไงการจากด้วยดี ยังไงก็ย่อมดีกว่าการจากแบบไม่เผาผีอย่างแน่นอน!
ขอบคุณ by คะน้าใบเขียว